ในวงการฟุตบอลสมัยใหม่ การมี นักเตะเซ็นเตอร์แบ็ค ที่เก่งกาจเป็นสิ่งที่สโมสรต่างๆ ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุคที่ฟุตบอลเน้นการเล่นเกมรับที่แข็งแกร่งเพื่อพัฒนาเป็นการโจมตีที่ไหลลื่น แนวคิดนี้ได้ผลักดันให้เซ็นเตอร์แบ็คมีบทบาทมากขึ้น ไม่เพียงแค่การป้องกัน แต่ยังรวมถึงการสร้างเกมจากแนวหลัง การมีเซ็นเตอร์แบ็คที่มีความสามารถสูงจึงกลายเป็นทรัพย์สินที่มีค่าในการต่อสู้เพื่อความสำเร็จของทีม
บทความนี้จะพาไปดู 9 เซ็นเตอร์แบ็คที่มีค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการประเมินค่าของนักเตะในตำแหน่งนี้ในวงการฟุตบอลสมัยใหม่ ไม่เพียงแต่ในด้านความสามารถในการป้องกัน แต่ยังรวมถึงการอ่านเกม การจัดการกับลูกตั้งเตะ และการส่งบอลที่แม่นยำ นอกจากนี้ เรายังจะดูถึงแต่ละการย้ายทีมของพวกเขาที่ทำให้พวกเขากลายเป็นตัวแปรสำคัญในทีมใหม่ของพวกเขา ตลอดจนผลกระทบที่พวกเขามีต่อเกมฟุตบอลที่พวกเขาเล่น การค้นพบเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะเน้นย้ำถึงคุณค่าทางการเงินของพวกเขา แต่ยังรวมถึงความสำคัญของตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คในฟุตบอลยุคปัจจุบันด้วย
ความสำคัญของ นักเตะเเซ็นเตอร์แบ็ค ในทีมฟุตบอล
ในวงการฟุตบอล การมีเซ็นเตอร์แบ็คที่มีคุณภาพสูงถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกทีมต้องการ เพื่อให้ทีมมีความมั่นคงและมีโอกาสประสบความสำเร็จในรายการแข่งขันต่างๆ เทคนิควิเคราะห์บอลจึงต้องมีการวิเคราะห์เซ็นเตอร์แบ็คด้วย เนื่องจากพวกเขาคือหัวใจหลักของแนวรับ พวกเขามีบทบาทสำคัญในการป้องกันการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม และเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพในการเริ่มการโจมตีของทีมตัวเอง
บทบาทและหน้าที่ของ นักเตะเซ็นเตอร์แบ็ค
- การป้องกันและตัดบอล เซ็นเตอร์แบ็คมีหน้าที่หลักในการป้องกันการทำประตูของฝ่ายตรงข้าม พวกเขาต้องสามารถอ่านเกมและตัดบอลจากการผ่านบอลของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตัดบอลในตำแหน่งที่ถูกต้องสามารถป้องกันการโจมตีและช่วยให้ทีมมีโอกาสเริ่มการโจมตีใหม่
- การป้องกันลูกตั้งเตะ เซ็นเตอร์แบ็คต้องมีความสามารถในการป้องกันลูกตั้งเตะ ไม่ว่าจะเป็นลูกเตะมุม หรือลูกฟรีคิก พวกเขาต้องสามารถกระโดดขึ้นและโหม่งบอลออกไปได้อย่างแม่นยำ การป้องกันลูกตั้งเตะที่มีประสิทธิภาพช่วยลดโอกาสที่ฝ่ายตรงข้ามจะทำประตูได้
- การควบคุมพื้นที่และการจัดการแผงหลัง เซ็นเตอร์แบ็คต้องมีการจัดการพื้นที่ในแนวรับอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาต้องสามารถควบคุมและสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมในแนวรับเพื่อให้แผงหลังทำงานได้อย่างเป็นระบบ การจัดการที่ดีช่วยให้ทีมมีการป้องกันที่มั่นคงและลดโอกาสที่ฝ่ายตรงข้ามจะเจาะผ่านแนวรับไปได้
- การเริ่มการโจมตีจากแนวรับ นอกจากการป้องกันแล้ว เซ็นเตอร์แบ็คยังมีบทบาทในการเริ่มการโจมตีของทีม การผ่านบอลจากแนวรับไปยังกลางสนามหรือแนวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพสามารถทำให้ทีมมีโอกาสในการทำประตู การมีเซ็นเตอร์แบ็คที่สามารถผ่านบอลได้ดีเป็นการเพิ่มความหลากหลายในการเล่นของทีม
ตาราง นักเตะเเซ็นเตอร์แบ็ค ที่ค่าตัวแพงที่สุด
อันดับ | ชื่อผู้เล่น | การย้ายทีมจาก – ไป | ค่าตัว (€ ล้าน) | ฤดูกาล |
---|---|---|---|---|
1 | Josko Gvardiol | Leipzig – Manchester City | 90 | 2023 |
2 | Harry Maguire | Leicester – Manchester United | 87 | 2019 |
3 | Matthijs de Ligt | Ajax – Juventus | 85.5 | 2019 |
4 | Virgil van Dijk | Southampton – Liverpool | 84.65 | 2018 |
5 | Wesley Fofana | Leicester – Chelsea | 80.4 | 2022 |
6 | Lucas Hernandez | Atletico Madrid – Bayern Munich | 80 | 2019 |
7 | Ruben Dias | Benfica – Manchester City | 71.6 | 2020 |
8 | Aymeric Laporte | Athletic Club – Manchester City | 65 | 2017 |
9 | Benjamin White | Brighton – Arsenal | 58.5 | 2021 |
ข้อมูลนี้แสดงถึงค่าตัวของเซ็นเตอร์แบ็คที่มีค่าตัวแพงที่สุดในการย้ายทีมแต่ละครั้ง พร้อมกับปีที่ย้ายทีม
ประวัติ 9 อันดับ นักเตะเซ็นเตอร์แบ็ค ที่มีค่าตัวแพงที่สุด
1. Josko Gvardiol
ประวัติและเส้นทางอาชีพ นักเตะเซ็นเตอร์แบ็ค
Joško Gvardiol (เกิดเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2002) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวโครเอเชีย ซึ่งเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คสำหรับสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ในพรีเมียร์ลีกและทีมชาติโครเอเชีย เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในโลก ด้วยความสามารถในการเล่นที่เด่นชัดทั้งด้านกายภาพ การยืนตำแหน่ง และการตามประกบผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม
Gvardiol เริ่มต้นการเล่นฟุตบอลเมื่ออายุได้ 7 ปี เมื่อพ่อของเขา Tihomir พาเขาไปเข้าร่วมกับ Trešnjevka ต่อมาเขาได้รับความสนใจจาก Lokomotiva และ Zagreb แต่สุดท้ายครอบครัวของเขาตัดสินใจเข้าร่วมกับ Dinamo Zagreb ซึ่งในช่วงแรกเขาเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายหรือตัวกลาง ก่อนที่จะถูกย้ายมาเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คโดยโค้ช Dalibor Poldrugač
การย้ายทีมจาก Leipzig ไป Manchester City
ในวันที่ 5 สิงหาคม 2023 สโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ในพรีเมียร์ลีกประกาศการเซ็นสัญญากับ Gvardiol ในสัญญา 5 ปี ทำให้เขาเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ค่าใช้จ่ายในการย้ายทีมอยู่ที่ประมาณ £77 ล้าน (ประมาณ 3,000 ล้านบาท)
การย้ายทีมครั้งนี้เป็นการย้ายทีมที่มีค่าตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของนักฟุตบอลโครเอเชีย โดย Gvardiol ยังคงได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในยุโรป และการตัดสินใจเข้าร่วมแมนเชสเตอร์ซิตี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในความสามารถของเขาที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในแนวรับของทีม
ค่าตัว: €90 ล้าน (ประมาณ 3,400 ล้านบาท)
การย้ายทีมของ Joško Gvardiol จาก Leipzig ไป Manchester City เป็นการลงทุนที่สำคัญและแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเซ็นเตอร์แบ็คในฟุตบอลยุคปัจจุบัน ค่าตัวที่สูงขนาดนี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพและศักยภาพของ Gvardiol ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวรับของแมนเชสเตอร์ซิตี้และนำทีมไปสู่ความสำเร็จในอนาคต
2. Harry Maguire
ประวัติและผลงานที่ Leicester City
Jacob Harry Maguire (เกิดวันที่ 5 มีนาคม 1993) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คให้กับสโมสร Manchester United และทีมชาติอังกฤษ โดย Maguire เริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลจากระบบเยาวชนของ Sheffield United ก่อนที่จะขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ในปี 2011 เขาได้ลงเล่นให้กับ Sheffield United 166 นัด และได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสรติดต่อกันสามฤดูกาล นอกจากนี้ยังได้รับการยอมรับในทีมยอดเยี่ยมของ PFA สำหรับลีกวันอีกด้วย
ในปี 2014 เขาย้ายไปเล่นให้กับ Hull City ด้วยค่าตัว £2.5 ล้าน และถูกยืมตัวไปเล่นให้กับ Wigan Athletic ในปี 2015 จากนั้นในปี 2017 Maguire ได้ย้ายไป Leicester City ด้วยค่าตัวเริ่มต้น £12 ล้าน ซึ่งในฤดูกาล 2017-18 เขาได้ลงเล่นในทุกนาทีของการแข่งขันและได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล
การย้ายทีมไป Manchester United
ในเดือนกรกฎาคม 2019 Manchester United ได้ทำการเสนอราคาค่าตัว £70 ล้าน สำหรับการซื้อ Maguire ซึ่งสโมสร Leicester City ได้ปฏิเสธข้อเสนอนี้ แต่ในเดือนสิงหาคม 2019 Manchester United ได้เพิ่มข้อเสนอเป็น £80 ล้าน (ประมาณ 3,000 ล้านบาท) ซึ่งเป็นค่าตัวที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับกองหลัง และ Leicester City ก็ได้ยอมรับข้อเสนอนี้
การย้ายทีมของ Maguire ไป Manchester United ทำให้เขากลายเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก และเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมภายในหกเดือนหลังจากเข้าร่วมสโมสร
ค่าตัว: €87 ล้าน (ประมาณ 3,264 ล้านบาท)
การย้ายทีมของ Harry Maguire จาก Leicester City ไป Manchester United ด้วยค่าตัว €87 ล้าน (ประมาณ 3,264 ล้านบาท) เป็นการลงทุนที่สำคัญสำหรับ Manchester United และแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีกองหลังที่มีคุณภาพสูงในทีม การลงทุนในตัวของ Maguire เป็นการเสริมความแข็งแกร่งในแนวรับและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในรายการแข่งขันต่าง ๆ ของสโมสร
3. Matthijs de Ligt
บทบาทที่ Ajax และ Juventus
Matthijs de Ligt (เกิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 1999) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวดัตช์ ซึ่งเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คให้กับสโมสร Bayern Munich ในบุนเดสลีกาและทีมชาติเนเธอร์แลนด์ De Ligt ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในโลก โดยมีความแข็งแกร่ง ความเป็นผู้นำ ความดุดัน การตัดบอล และความสามารถในการเล่นลูกกลางอากาศที่ยอดเยี่ยม
De Ligt เปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ของ Ajax ในเดือนกันยายน 2016 ในเกมถ้วยกับ Willem II โดยเขาทำประตูจากลูกเตะมุมในเวลาเพียง 25 นาที ทำให้เขาเป็นผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสองของสโมสร รองจาก Clarence Seedorf ในปี 2018 เขาได้รับรางวัล Golden Boy ซึ่งมอบให้กับนักฟุตบอลยอดเยี่ยมที่อายุต่ำกว่า 21 ปีในยุโรป โดยเป็นกองหลังคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้
การย้ายทีมไป Juventus
ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2019 De Ligt ได้เซ็นสัญญากับ Juventus สโมสรในกัลโช่ เซเรีย อา ด้วยค่าตัว €75 ล้าน (ประมาณ 2,880 ล้านบาท) โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม €10.5 ล้าน (ประมาณ 403 ล้านบาท) ทำให้ค่าตัวรวมเป็น €85.5 ล้าน (ประมาณ 3,283 ล้านบาท) การย้ายทีมครั้งนี้ทำให้เขาเป็นหนึ่งในกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาเปิดตัวอย่างเป็นทางการให้กับ Juventus ในเกมที่ชนะ Napoli 4-3 ในบ้านในวันที่ 31 สิงหาคม 2019 และทำประตูแรกให้กับสโมสรในเกมที่ชนะ Torino 1-0 ในการแข่งขัน Derby della Mole
ค่าตัว: €85.5 ล้าน (ประมาณ 3,283 ล้านบาท)
การย้ายทีมของ Matthijs de Ligt จาก Ajax ไป Juventus ด้วยค่าตัว €85.5 ล้าน (ประมาณ 3,283 ล้านบาท) แสดงให้เห็นถึงความสามารถและความสำคัญของเขาในตำแหน่งกองหลัง ความสามารถของเขาในการป้องกันและการเป็นผู้นำในสนามทำให้เขาเป็นที่ต้องการของสโมสรชั้นนำในยุโรป การลงทุนในตัวของ De Ligt เป็นการเสริมความแข็งแกร่งในแนวรับของ Juventus และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในรายการแข่งขันต่างๆ ของสโมสร
4. Virgil van Dijk
ผลงานที่ Southampton
Virgil van Dijk (เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 1991) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวดัตช์ ซึ่งเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คและเป็นกัปตันทีมทั้งสโมสร Liverpool ในพรีเมียร์ลีกและทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในยุคของเขา ด้วยความแข็งแกร่ง ความเป็นผู้นำ ความเร็ว และความสามารถในการเล่นลูกกลางอากาศ
Van Dijk เริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่ Groningen ก่อนที่จะย้ายไปเล่นให้กับ Celtic ในปี 2013 ที่ Celtic เขาคว้าแชมป์ Scottish Premiership และถูกเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมของ PFA Scotland ทั้งสองฤดูกาลที่เขาเล่นที่นั่น นอกจากนี้เขายังคว้าแชมป์ Scottish League Cup ในฤดูกาลที่สอง
การย้ายทีมไป Liverpool
ในเดือนธันวาคม 2017, Liverpool ได้ประกาศการเซ็นสัญญากับ Van Dijk ซึ่งจะเริ่มมีผลในเดือนมกราคม 2018 ด้วยค่าตัวที่รายงานว่าอยู่ที่ £75 ล้าน (ประมาณ 3,000 ล้านบาท) ซึ่งเป็นค่าตัวที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับกองหลังในขณะนั้น การย้ายทีมครั้งนี้ทำให้เขาเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก
Van Dijk เปิดตัวกับ Liverpool ในการแข่งขัน FA Cup ที่พบกับ Everton และทำประตูชัยให้กับทีมในนัดนั้น การมาของเขาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวรับของ Liverpool และทำให้ทีมมีการป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ค่าตัว: €84.65 ล้าน (ประมาณ 3,250 ล้านบาท)
การย้ายทีมของ Virgil van Dijk จาก Southampton ไป Liverpool ด้วยค่าตัว €84.65 ล้าน (ประมาณ 3,250 ล้านบาท) แสดงให้เห็นถึงความสามารถและคุณค่าของเขาในตำแหน่งกองหลัง Van Dijk ไม่เพียงแต่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันประตู แต่ยังมีความเป็นผู้นำและความสามารถในการทำประตูจากลูกตั้งเตะ ซึ่งทำให้เขาเป็นหนึ่งในกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก การลงทุนในตัวของ Van Dijk ช่วยให้ Liverpool คว้าแชมป์ UEFA Champions League และ Premier League ในฤดูกาลถัดไป
5. Wesley Fofana
ประวัติและผลงานที่ Leicester City
Wesley Tidjan Fofana เกิดเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2000 ในเมืองมาร์เซย์ ประเทศฝรั่งเศส เขาเป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวฝรั่งเศสที่เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คให้กับสโมสร Chelsea ในพรีเมียร์ลีกและทีมชาติฝรั่งเศส Fofana เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 6 ปี โดยเริ่มต้นที่ Repos Vitrolles Fofana ย้ายเข้าร่วมทีม Leicester City ในวันที่ 2 ตุลาคม 2020 โดยเซ็นสัญญาเป็นเวลา 5 ปี ค่าตัวในการย้ายทีมอยู่ที่ประมาณ £37.5 ล้าน (ประมาณ 1,612 ล้านบาท) เขาได้ลงเล่นในทีมครั้งแรกในวันที่ 15 พฤษภาคม 2021 ในการแข่งขัน FA Cup Final ซึ่ง Leicester City ชนะ Chelsea 1-0 คว้าแชมป์ FA Cup เป็นครั้งแรกของเขาในอังกฤษ
การย้ายทีมไป Chelsea
ในวันที่ 31 สิงหาคม 2022 Fofana ย้ายเข้าร่วมทีม Chelsea โดยเซ็นสัญญาเป็นเวลา 7 ปี ค่าตัวในการย้ายทีมอยู่ที่ประมาณ €80.4 ล้าน (ประมาณ 3,056 ล้านบาท) การย้ายทีมครั้งนี้ทำให้ Fofana กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก
หลังจากย้ายทีมมา Chelsea Fofana ได้ลงสนามครั้งแรกในวันที่ 3 กันยายน 2022 ในเกมที่ Chelsea ชนะ West Ham United 2-1 ในพรีเมียร์ลีก เขาทำประตูแรกให้กับ Chelsea ในวันที่ 5 ตุลาคม 2022 ในการแข่งขัน UEFA Champions League ที่ชนะ AC Milan 3-0 แต่ในเกมนั้นเขาได้รับบาดเจ็บที่เข่า ทำให้ต้องพักฟื้นอีกครั้งจนถึงกุมภาพันธ์ 2023
หลังจากกลับมาจากการบาดเจ็บ Fofana ลงสนามครั้งแรกในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2023 ในเกมที่ Chelsea แพ้ Southampton 1-0 และทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีกให้กับ Chelsea ในเกมที่ชนะ Leeds United 1-0 ในวันที่ 4 มีนาคม 2023
ค่าตัว: €80.4 ล้าน (ประมาณ 3,056 ล้านบาท)
การย้ายทีมของ Wesley Fofana จาก Leicester City ไป Chelsea ด้วยค่าตัว €80.4 ล้าน (ประมาณ 3,056 ล้านบาท) แสดงถึงความสามารถและคุณค่าของเขาในฐานะเซ็นเตอร์แบ็คระดับโลก Fofana ไม่เพียงแต่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันประตู แต่ยังมีความสามารถในการทำประตูจากลูกตั้งเตะและความเป็นผู้นำในสนาม ทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก การลงทุนในตัวของ Fofana ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวรับของ Chelsea และเพิ่มโอกาสในการคว้าแชมป์ในอนาคต
6. Lucas Hernandez
บทบาทที่ Atletico Madrid
Lucas François Bernard Hernandez เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 1996 ที่เมืองมาร์เซย์ ประเทศฝรั่งเศส เขาเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่เล่นในตำแหน่งกองหลังให้กับสโมสร Paris Saint-Germain ในลีกเอิงและทีมชาติฝรั่งเศส Hernandez เริ่มต้นอาชีพของเขากับ Atletico Madrid โดยเข้าร่วมทีมเยาวชนของสโมสรในปี 2007 เมื่ออายุ 11 ปี
Hernandez ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ Atletico Madrid เป็นครั้งแรกในวันที่ 3 ธันวาคม 2014 ในการแข่งขัน Copa del Rey ที่ชนะ L’Hospitalet 3-0 เขาได้ลงเล่นในลีกสเปนครั้งแรกในวันที่ 21 ธันวาคม 2014 ในเกมที่ Atletico ชนะ Athletic Bilbao 4-1 ในฤดูกาล 2017-2018 Hernandez มีบทบาทสำคัญในการช่วย Atletico Madrid คว้าแชมป์ UEFA Europa League โดยลงเล่นในเกมนัดชิงชนะเลิศที่ชนะ Marseille 3-0 ซึ่งเป็นการคว้าถ้วยแรกในระดับนานาชาติของเขา
การย้ายทีมไป Bayern Munich
ในเดือนมีนาคม 2019 Atletico Madrid ประกาศว่า Hernandez จะย้ายไป Bayern Munich ในช่วงซัมเมอร์ 2019 ด้วยค่าตัว €80 ล้าน (ประมาณ 3,040 ล้านบาท) ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Bayern Munich และบุนเดสลีกา Hernandez เซ็นสัญญากับ Bayern Munich เป็นเวลา 5 ปี จนถึงปี 2024
Hernandez เปิดตัวกับ Bayern Munich ในวันที่ 10 สิงหาคม 2019 ในการแข่งขัน DFB-Pokal รอบแรกที่ชนะ Energie Cottbus 3-1 เขาช่วยทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกา, DFB-Pokal และ UEFA Champions League ในฤดูกาลแรกของเขากับสโมสร
ค่าตัว: €80 ล้าน (ประมาณ 3,040 ล้านบาท)
การย้ายทีมของ Lucas Hernandez จาก Atletico Madrid ไป Bayern Munich ด้วยค่าตัว €80 ล้าน (ประมาณ 3,040 ล้านบาท) แสดงถึงความสามารถและคุณค่าของเขาในฐานะกองหลังระดับโลก Hernandez ไม่เพียงแต่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันประตู แต่ยังมีความสามารถในการโจมตีและความเป็นผู้นำในสนาม ทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก การลงทุนในตัวของ Hernandez ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวรับของ Bayern Munich และเพิ่มโอกาสในการคว้าแชมป์ในอนาคต
7. Rúben Dias
ประวัติ นักเตะเซ็นเตอร์แบ็ค ที่ Benfica
Rúben dos Santos Gato Alves Dias เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1997 เป็นนักฟุตบอลชาวโปรตุเกสที่เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กให้กับสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ในพรีเมียร์ลีกและทีมชาติโปรตุเกส เขาเป็นที่ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในโลก โดยเป็นที่รู้จักในด้านความสามารถในการป้องกัน ความเป็นผู้นำ และความสามารถในการเล่นในอากาศ
Dias เริ่มต้นอาชีพของเขากับสโมสร Benfica โดยเข้าร่วมทีมเยาวชนในปี 2008 เขาเริ่มต้นการเล่นให้กับทีม Benfica B ในปี 2015 และถูกเลื่อนขั้นขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2017 โดยได้รับรางวัลผู้เล่นเยาวชนยอดเยี่ยมของ Primeira Liga ในฤดูกาลต่อมา Dias ช่วย Benfica คว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2018–19 และคว้าแชมป์ Supertaça Cândido de Oliveira ในฤดูกาล 2019–20 เขายังถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในทีมยอดเยี่ยมของ Primeira Liga และลงเล่นให้กับสโมสรมากกว่า 100 นัด
การย้ายทีมไป Manchester City
ในเดือนกันยายน 2020 Dias เซ็นสัญญาย้ายไปเล่นให้กับสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ในพรีเมียร์ลีก ด้วยค่าตัว €71.6 ล้าน (ประมาณ 2,784 ล้านบาท) การย้ายทีมครั้งนี้ทำให้เขาเป็นนักเตะชาวโปรตุเกสที่มีค่าตัวสูงเป็นอันดับสองที่ย้ายออกจากลีกในประเทศ
Dias เปิดตัวกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ในวันที่ 3 ตุลาคม 2020 ในเกมที่เสมอกับ Leeds United 1-1 เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยแมนเชสเตอร์ซิตี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้น โดยนำความมั่นคงและการเป็นผู้นำกลับมาสู่แนวรับของทีม Dias ยังได้รับรางวัล FWA Footballer of the Year ในฤดูกาล 2020-21 และรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของแมนเชสเตอร์ซิตี้ นอกจากนี้เขายังได้รับการเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกและกองหลังยอดเยี่ยมของ UEFA Champions League ในปี 2021
ค่าตัว: €71.6 ล้าน (ประมาณ 2,784 ล้านบาท)
การย้ายทีมของ Rúben Dias จาก Benfica ไปยัง Manchester City ด้วยค่าตัว €71.6 ล้าน (ประมาณ 2,784 ล้านบาท) เป็นการแสดงถึงความสามารถและคุณค่าของเขาในฐานะกองหลังระดับโลก Dias ไม่เพียงแต่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันประตู แต่ยังมีความสามารถในการเป็นผู้นำและควบคุมเกมในสนาม เขามีบทบาทสำคัญในการช่วยทีมคว้าชัยชนะและคว้าแชมป์ในการแข่งขันต่าง ๆ
8. Aymeric Laporte
ประวัติที่ Athletic Club
Aymeric Jean Louis Gérard Alphonse Laporte เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 1994 เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวฝรั่งเศสที่เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ปัจจุบันเล่นให้กับ Al Nassr ใน Saudi Pro League และทีมชาติสเปน Laporte เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลที่สโมสร Athletic Bilbao ในปี 2010 เมื่ออายุเพียง 16 ปี เขาเป็นผู้เล่นคนที่สองที่เกิดในฝรั่งเศสที่เล่นให้กับสโมสรนี้ หลังจาก Bixente Lizarazu
Laporte ได้เล่นให้กับ Athletic Bilbao รวมทั้งหมด 222 นัด และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์สูงของลีกสเปน ในเดือนมิถุนายน 2015 เขาได้ต่อสัญญากับสโมสรจนถึงปี 2019 โดยมีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ €50 ล้าน และในเดือนมิถุนายน 2016 เขาได้ต่อสัญญาอีกครั้งจนถึงปี 2020 โดยค่าฉีกสัญญาเพิ่มขึ้นเป็น €65 ล้าน
การย้ายทีมไป Manchester City
ในช่วงสิ้นสุดตลาดการซื้อขายนักเตะฤดูหนาวเดือนมกราคม 2018 Laporte ได้ย้ายมาร่วมทีม Manchester City ด้วยค่าตัว €65 ล้าน (ประมาณ 2,520 ล้านบาท) ซึ่งเป็นค่าตัวที่สูงมากสำหรับทั้งสองสโมสร การย้ายทีมครั้งนี้ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลก
Laporte เปิดตัวกับ Manchester City ในวันที่ 31 มกราคม 2018 ในเกมที่ชนะ West Bromwich Albion 3-0 ในพรีเมียร์ลีก และเขายังช่วยทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลแรกที่เขาเข้าร่วมทีมได้สำเร็จ
ในฤดูกาล 2018-19 Laporte มีส่วนสำคัญในการช่วย Manchester City คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก FA Cup และ EFL Cup ทำให้ทีมคว้าแชมป์ “ทริปเปิล” แรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ โดยเขาทำประตูสำคัญในเกมสุดท้ายของพรีเมียร์ลีกที่ชนะ Brighton & Hove Albion และทำให้ทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จ
ค่าตัว: €65 ล้าน (ประมาณ 2,520 ล้านบาท)
Aymeric Laporte เป็นนักเตะที่มีความสามารถและมีบทบาทสำคัญในการช่วยทีมคว้าแชมป์มากมาย การย้ายทีมของเขาจาก Athletic Bilbao ไป Manchester City ด้วยค่าตัว €65 ล้าน (ประมาณ 2,520 ล้านบาท) แสดงให้เห็นถึงความสามารถและคุณค่าของเขาในฐานะกองหลังระดับโลก Laporte ยังคงเป็นหนึ่งในกองหลังที่มีค่าตัวสูงที่สุดและเป็นที่ต้องการของหลายสโมสรในยุโรป
9. Benjamin White
บทบาท นักเตะเซ็นเตอร์แบ็ค ที่ Brighton
Benjamin William White เกิดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 1997 เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษที่เล่นในตำแหน่งกองหลังให้กับสโมสร Arsenal และทีมชาติอังกฤษ โดยสามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กและมิดฟิลด์ตัวรับ White เริ่มต้นอาชีพฟุตบอลกับสโมสร Southampton ตั้งแต่อายุ 8 ปี แต่ถูกปล่อยตัวออกจากทีมเมื่ออายุ 16 ปี จากนั้นเขาได้เข้าร่วมกับสโมสร Brighton & Hove Albion และได้เริ่มต้นเส้นทางอาชีพที่นี่
ในฤดูกาล 2016-17 White ได้เดบิวต์ในทีมชุดใหญ่ของ Brighton ในเกม EFL Cup ที่พบกับ Colchester United และต่อมาเขาได้มีโอกาสเล่นในลีกเป็นตัวสำรองในหลายเกม ในฤดูกาล 2017-18 White ถูกยืมตัวไปเล่นให้กับ Newport County ซึ่งเขาได้แสดงความสามารถและความแข็งแกร่งในตำแหน่งกองหลัง โดยสามารถทำประตูแรกในอาชีพได้ในเกมที่พบกับ Barnet
ต่อมาในฤดูกาล 2018-19 White ถูกยืมตัวไปเล่นให้กับ Peterborough United และในฤดูกาล 2019-20 เขาได้ย้ายไปเล่นให้กับ Leeds United โดยยืมตัว ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญในการช่วย Leeds คว้าแชมป์ Championship และเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก
การย้ายทีมไป Arsenal
ในช่วงฤดูร้อนปี 2021 Benjamin White ได้ย้ายมาร่วมทีม Arsenal ด้วยค่าตัวสูงถึง €58.5 ล้าน (ประมาณ 2,145 ล้านบาท) ซึ่งเป็นการย้ายทีมที่มีค่าตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Arsenal คุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของทีมนี้ได้ที่ ผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของอาร์เซนอล
White ได้เปิดตัวในทีม Arsenal ในเกมพรีเมียร์ลีกที่พบกับ Brentford และจากนั้นเขาได้มีบทบาทสำคัญในทีม ทั้งในฐานะกองหลังตัวหลักและการเปลี่ยนตำแหน่งไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับในบางเกม เขามีความสามารถในการเล่นที่คล่องแคล่วและสามารถสร้างการโจมตีจากแนวรับได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาได้รับการยกย่องจากผู้จัดการทีม Mikel Arteta ว่าเป็นนักเตะที่กล้าหาญ มีพรสวรรค์ และมีความมุ่งมั่นสูง
ค่าตัว: €58.5 ล้าน (ประมาณ 2,145 ล้านบาท)
การย้ายทีมของ Benjamin White จาก Brighton & Hove Albion ไป Arsenal ด้วยค่าตัว €58.5 ล้าน (ประมาณ 2,145 ล้านบาท) เป็นการย้ายทีมที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถและคุณค่าของเขาในฐานะกองหลังระดับโลก White ยังคงเป็นนักเตะที่มีความสำคัญและมีบทบาทสำคัญในการช่วยทีม Arsenal ในการแข่งขันในลีกและการแข่งขันในระดับสากล
โดยสรุปแล้ว จากการดูข้อมูลของ นักเตะเซ็นเตอร์แบ็ค ที่มีค่าตัวสูงสุดในโลก เราได้เห็นถึงบทบาทและความสำคัญของพวกเขาที่มีต่อทีมในวงการฟุตบอลสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันอย่างแข็งแกร่ง, การจัดการลูกตั้งเตะ, และการเริ่มต้นการโจมตีจากแนวรับ ค่าตัวที่สูงของพวกเขาไม่เพียงแสดงถึงความสามารถในสนามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการนำพาทีมไปสู่ชัยชนะและเกียรติยศต่างๆ
การลงทุนในตัวของเซ็นเตอร์แบ็คคุณภาพสูงจึงไม่ใช่แค่การเสริมความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนที่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของสโมสรได้อย่างมาก นับเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกมฟุตบอลยุคนี้ต้องมีเซ็นเตอร์แบ็คที่ไม่เพียงแต่มีฝีเท้าดี แต่ยังต้องมีการเล่นที่ชาญฉลาดและความเป็นผู้นำเพื่อนำพาทีมสู่ความสำเร็จทั้งในและนอกสนาม
คำถามที่พบบ่อย
1. ทำไมเซ็นเตอร์แบ็คถึงมีค่าตัวสูง?
เซ็นเตอร์แบ็คมีบทบาทสำคัญมากในการป้องกันและเป็นหัวใจหลักของแนวรับ ความสามารถในการจัดการการป้องกันลูกตั้งเตะ และการเริ่มต้นการโจมตีจากด้านหลังทำให้พวกเขาเป็นทรัพย์สินที่มีค่า ทำให้สโมสรพร้อมที่จะจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อคว้าตัวนักเตะที่สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวรับได้
2. กองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดคือใคร?
จากข้อมูลล่าสุด Joško Gvardiol จากสโมสร RB Leipzig ไปยัง Manchester City เป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดด้วยค่าตัว 90 ล้านยูโร การย้ายทีมนี้สะท้อนถึงคุณค่าและความสำคัญของเขาในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค
3. คุณสมบัติพิเศษของเซ็นเตอร์แบ็คที่มีค่าตัวสูงคืออะไร?
เซ็นเตอร์แบ็คที่มีค่าตัวสูงมักมีความแข็งแกร่งทางกายภาพ, ความสามารถในการอ่านเกม, ทักษะในการตัดบอล, และความสามารถในการเล่นลูกกลางอากาศที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังรวมถึงความเป็นผู้นำในการจัดการแผงหลังและการมีบทบาทในการเริ่มต้นการโจมตีจากแนวรับ
4. เซ็นเตอร์แบ็คมีบทบาทอย่างไรในการเริ่มต้นการโจมตีของทีม?
เซ็นเตอร์แบ็คมีบทบาทในการเริ่มต้นการโจมตีของทีมโดยการส่งบอลจากแนวรับไปยังกลางสนามหรือแนวหน้าอย่างแม่นยำ การมีเซ็นเตอร์แบ็คที่สามารถผ่านบอลได้ดีช่วยเพิ่มความหลากหลายในการเล่นของทีมและสร้างโอกาสในการทำประตู